หัวพอต ส่งด่วน ครอบครองบุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมายหรือไม่ ถ้าตำรวจไทยเจอต้องทำอย่างไร
ข่าวตำรวจรีดไถเงิน อัน อวี๋ฉิง ดาราสาวไต้หวัน ช่วงที่เธอเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย ด้วยข้ออ้างว่า เธอพกบุหรี่ไฟฟ้า แต่กลับกลายเป็นการเรียกรับเงิน 27,000 บาท แต่ไม่ได้ออกใบสั่งปรับข้อหาครอบครองบุหรี่ไฟฟ้าแต่อย่างใด ทำให้สังคมตั้งคำถามว่า การถือครองบุหรี่ไฟฟ้า ผิดกฎหมายหรือไม่
“เพื่อนของฉัน (คนสิงคโปร์) พอรู้ภาษาไทย เลยไปคุยกับตำรวจ ฉันอยู่ตรงนั้นตลอด แต่ฉันไม่ค่อยเข้าใจภาษาเพื่อนฉันบอกว่าตำรวจต้องการเงิน 27,000 บาท” แต่สิ่งที่ อัน อวี๋ฉิง หรือ ชาลีน อัน ให้สัมภาษณ์บีบีซีไทย พร้อมเสริมว่าเมื่อให้เงินไปแล้วกลับกลายเป็นว่าตำรวจนำบุหรี่ไฟฟ้ามายัดใส่มือเธอแล้วถ่ายรูป
“ฉันไม่มีบุหรี่ไฟฟ้าอยู่กับตัวเวลานั้น คนอื่นมีหรือเปล่าฉันไม่รู้แล้วฉันก็พิสูจน์ไม่ได้ว่าบุหรี่ไฟฟ้านั่นไม่ใช่ของฉัน เพราะตำรวจลบภาพและวิดีโอไปหมด”
“สิ่งที่ฉันได้เรียนรู้จากเรื่องนี้คือฉันต้องให้ความร่วมมือ … เราอาจกระทำอะไรผิดพลาดไปโดยไม่ตั้งใจก็ได้ แต่ด้วยพัฒนาการของเทคโนโลยีทำไมตำรวจไม่ใช้ Google Translate ช่วยแปลภาษาทำไมไม่ออกใบสั่งมาอย่างถูกต้อง”
-
“ฉันไม่ใช่วีรสตรี ไม่ได้อยากสู้กับตำรวจไทย”
-
สรุปดรามาดาราสาวไต้หวันถูกตำรวจรีดไถเงิน 27,000 บาท ประกาศ “ไม่เหยียบไทยอีก”
-
เที่ยวแบบ VVIP : ปมจ้างตำรวจไทยนำขบวน นทท. จีน สะท้อนภาพปราบโกงล้มเหลวหรือไม่
ตอนนี้กองบังคับการตำรวจนครบาลได้สั่งสอบสวนทางวินัยและคดีอาญา ข้าราชการตำรวจ 7 นาย ฐานไม่บังคับใช้กฎหมายอาญา มาตรา 157 คือ “เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้ เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต” ว่าด้วยการไม่จับกุมกรณีถือครองบุหรี่ไฟฟ้าไม่ใช่การรีดไถเงินนักท่องเที่ยว
เบื้องต้นได้ย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 โดยขาดจากตำแหน่งเดิม 7 นายด้วยกัน
บีบีซีไทยตรวจสอบข้อกฎหมายต่าง ๆ ทั้งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองผู้บริโภค, พ.ร.บ.ศุลกากร, และประกาศกระทรวงพาณิชย์พบว่ายังไม่มีมาตราใดที่กำหนดความผิดฐาน “ครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า” โดยตรงแต่ตำรวจและอัยการสามารถใช้ความผิดจากมาตราอื่นพื่อดำเนินความผิดผู้ครอบครองได้